*_*สวัสดีครับ เมืองขอนแก่น ยินดีต้อนรับ ^_^
  จังหวัดขอนแก่น เค้าว่าเป็นเมืองหลวงของภาคอีสานเชียวนะ ถ้าอยากรู้รายละเอียดอ่านดูได้เลย 

 
 
 
ความเบื้องต้น
จังหวัดขอนแก่น เป็นจังหวัดตั้งอยู่ส่วนกลางของภาคอีสาน และมีพื้นที่กว่าหนึ่งหมื่นตารางกิโลเมตร ประชากรกว่าหนึ่งล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นคน   ประชากร
กว่า 60% เป็นคนท้องถิ่น อีก 40% มาจากท้องถิ่นอื่น ชาวขอนแก่นถามกันมานานแล้ว ว่าเมืองขอนแก่นนี้มีการตั้งกันมาอย่างไร ในการทำประวัติมหาดไทย
ของเมืองขอนแก่นในช่วงเวลานั้น ไม่ได้ศึกษาค้นคว้าจากเอกสาร ส่วนใหญ่ จะสอบถามเอาตามคำบอกเล่าของผู้สูงอายุ ท่านอาจารย์ขุนนาคประเวศศึกษากร
เป็นผู้หนึ่งที่ได้รวบรวมบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองขอนแก่นไว้ และมีส่วนที่ถูกต้องอยู่พอสมควร ที่ว่าชื่อขอนแก่นนี้เพี้ยนมาจาก ขามแก่น ซึ่งเป็นนามของ
พระธาตุที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกกันว่าพระธาตุขามแก่น หรือพระธาตุบ้านขามนั่นเอง
ประวัติพระธาตุขามแก่น
 พระธาตุขามแก่นเดิมมีชื่อว่า พระธาตุบ้านขามหรือพระธาตุใหญ่บ้านขาม พ.ศ.2499 เปลี่ยนชื่อเป็นพระธาตุขามแก่น มีเรื่องเล่ามาดังนี้  นับจากเดิมตั้งแต่สมัย
องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ของเราได้ทรงตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว พระองค์ได้เสด็จจาริกเที่ยวประกาศพระพุทธศาสนาเผย
แผ่พระธรรมของพระองค   ์ที่ได้ตรัสรู้นั้นให้เวไนยสัตว์ทั้งหลายรู้แจ้งเห็นจริงในธรรมที่ควรรู้ควรเห็น สาวกที่ตรัสรู้ในพุทธกาลมีมากมาย พระองค์มีพระชน
มายุได้ 80 ปี     พระองค์ก็เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ในวันอังคารขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง เมื่อพระองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน แล้ว พระมหากัสสปเถระเจ้า พร้อมด้วยพระอรหันต์สาวกทั้งหลายและมีกษัตริย์พร้อมด้วยราชบริพารได้มานมัสการถวายพระเพริงพระพุทธสรีระของพระองค์ท่าน เมื่อถวายพระเพลิงเสร็จ
ก็ได้ประกาศให้กษัตริย์ในชนบทต่างๆได้มารับแจกพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า โทณพราหมณ์ผู้เป็นปราชญ์ฉลาดมีทนาดทองเป็นเครื่องตวงให้แก่กษัตริย์
ต่างๆ ด้วยความเรียบร้อย ส่วนพระบรมธาตุกระโยงหัว(กระโหลกพระเศียร) ของพระองค์ ฆฏิกาพรหมนำไปประดิษฐานไว้ในพรหมโลกพระธาตุเขี้ยวหมากแง
(พระธาตุเขี้ยวแก้ว) พระอินทร์นำไปประดิษฐานไว้ในชั้นดาวดึงก์ พระธาตุกระดูกด้ามมีด(พระรากขวัญ) พระยานาคนำไปประดิษฐานไว้ในเมืองนาค เหลือแต่
พระอังคารของพระองค์ ยังไม่มีการแจกสันปันส่วนกันอย่างไร กษัตริย์นครต่างๆ เมื่อได้รับแจกแล้วก็ได้นำไปประดิษฐานไว้ในเมืองของตน  เว้นแต่นครที่อยู่
ในปัจจันตประเทศ เป็นประเทศที่อยู่ห่างไกล  มัชฌิมประเทศ จึงมิได้รับแจก ครั้นต่อมาโมริยกษัตริย์   เจ้าผู้ครองเมืองโมรีย์ที่อยู่ใน ปัจจันตประเทศอยู่ห่างไกล
กรุงกุสินารา ก็ได้ทราบว่าพระสารีริกธาตูได้แจกหมดแล้วเหลือแต่พระอังคาร กษัตริย์โมรีย์จึงได้รับพระอังคารของพระพุทธเจ้า โดยบรรจุไว้ในกระอูบทองรอง
รับไปสถาปนาไว้ในนครโมรีย์ เป็นที่เคารพสักการะต่อไป 
ครั้นกาลสมัยล่วงเลยมาประมาณพุทธศักราชล่วงได้  8 ปี  พระมหากัสสปเถระเจ้า มีความปราถนาที่จะนำเอาพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้าไปประดิษฐานไว้
ภูกำพร้าซึ่งได้นามว่า พระธาตุพนมในเวลานี้ ดำริห์แล้วก็นำมาตามพุทธประสงค์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็จัดการก่อสร้างพระธาตุพนมขึ้น
มีพระมหากัสสปเถระเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์เป็นประธาน และมีพระยาทั้ง 5 เป็นศาสนูปถัมภกคือ พระยาอินทปัฏฐนคร พระยาคำแดง พระยานันท
เสน พระยาสุวรรณภิงคาร พระยาจุลนีพรหมทัตต์ จัดการก่อสร้างขึ้นจนแล้วเสร็จ สำเร็จในเวลาอันควร ครั้นต่อมาในปีที่ก่อสร้างพระธาตุพนมเสร็จนั้น โมรีย์
กษัตริย์ พร้อมด้วยพระอรหันต์ ในเมืองโมรีย์ ได้ทราบข่าวว่ามีการก่อสร้างพระธาตุพนมขึ้น พระองค์มีความศรัทธาเลื่อมใส ทรงดำริห์จะนำเอาพระอังคารของ
พระพุทธเจ้าที่ได้รับมาสถาปนานั้น ไปบรรจุไว้ในพระธาตุพนมร่วมกับพระอุรังคะธาตุของพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกัน พระอรหันต์ยอดแก้ว พระอรหันต์ธรังษี 
พระอรหันต์คันทีเถระเจ้า กับคณะร่วม 9 องค์ และพระยาหลังเขียวเจ้านคร พร้อมด้วยราชบริพาร จำนวน 90 คน ก็เชิญพระอังคารของพระพุทธเจ้าออกเดินทาง
ไปประดิษฐานไว้ในพระธาตุพนม การออกเดินทางของพระอรหันต์ทั้ง 9 และพระยาหลังเขียว ก็มุ่งหน้ามาทางทิศเหนือ แต่พอมาถึงดอนมะขามแห่งหนึ่ง ซึ่ง
เป็นที่ตั้งพระธาตุบ้านขามปัจจุบัน เวลาก็ค่ำแสงพระอาทิตย์ก็หรี่ลับลงไป จึงได้พากันพักแรมคืนในสถานที่นี้ และสถานที่นี้ภูมิประเทศก็ราบเรียบมีห่วยสาม
แยก น้ำไหลผ่านรอบๆ ดอน และในที่พักมีต้นมะขามใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งตายล้มลงแล้ว เปลือกกะพี้และกิ่งก้านสาขาไม่มี เหลือแต่แก่นข้างในเท่านั้น ต้นมะขาม
ที่เหลือแต่แก่นนี้เป็นที่เก็บสิ่งของและรองรับพระอังคารของพระพุทธเจ้า เมื่อรุ่งเช้า พระอรหันต์ทั้ง 9 และพระยาหลังเขียวพร้อมด้วยบริวารตื่นนอนแล้ว ก็จัด
เตรียมการเดินทางมุ่งหน้าไปสู่สถานที่ก่อสร้างพระธาตุพนมต่อไป พอไปถึงพระธาตุพนมปรากฎว่าการก่อสร้างได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเอาอะไรเข้าไปบรรจุ
อีกไม่ได้ ได้แต่พากันนมัสการพระธาตุพนมเท่านั้น แล้วก็พากันเดินทางกลับถิ่นเดิม ตั้งใจว่าจะนำเอาพระอังคารของพระพุทธเจ้า ไปสถาปนาไว้ที่นครของตน
อย่างเดิม แล้วก็พากันกลับตามสายทางเดิม เมื่อมาถึงที่พัก ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุบ้านขามในปัจจุบัน ก็ได้พบเห็นต้นมะขามที่ตายล้มลงนั้น กลับลุกขึ้นผลิ
ดอกออกผลแตกกิ่งก้านสาขา มีใบเขียวชอุ่มแลดูงามตา จะเป็นด้วยเทพเจ้าแสร้งนิมิตหรือ อำนาจอภินิหารพระอังคารของพระพุทธเจ้า    ก็ไม่ทราบ เห็นเป็นที่
อัศจรรย์ดังนี้ พระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ พร้อมด้วยพระยาหลังเขียว จึงได้ตกลงเห็นดี ก่อสร้างพระธาตุครอบต้นมะขาม บรรจุพระอังคารของพระพุทธเจ้าไว้พร้อม
ด้วยแก้วแหวนแสนสารพัดนึก โดยทำเป็นพระพุทธรูปแทนพระองค์ เข้าบรรจุไว้ในพระธาตุนี้ทั้งสิ้น การก่อสร้างพระธาตุบ้านขามนี้เดิมก็เป็นเหมือนรูปที่เรา
มองเห็นอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ เมื่อก่อสร้างเสร็จแล้ว พระยาหลังเขียวก็จัดการสร้างบ้านสร้างเมือง ส่วนพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ ก็จัดการสร้างวัดวาอารามขึ้น คือวิหาร
และพัทธสีมาเป็นของคูเคียงกันกับพระธาตุ  เหตุการณ์เป็นดังนี้จึงได้นามว่า "พระธาตุขามแก่น" และพระธาตุขามแก่นจึงมิได้ปรากฏนามในตำนานอุรังคธาตุ
เหมือนพระธาตุทั้งหลาย.....
ขอขอบคุณ ท่านอาจารย์ประมวล  พิมพ์เสน อาจารย์ประจำโรงเรียนกัลยาณวัตร จังหวัดขอนแก่น ผู้แต่งหนังสือ ประวัติ ศาสตร์เมืองขอนแก่น